ประวัติตะกร้อ

ตะกร้อหรือเซปักตะกร้อ (อังกฤษ: Sepak takraw) เป็นเกมไทยโบราณและกีฬาชนิดนี้สามารถอ้างอิงได้จากภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดพระแก้วในกรุงเทพฯ ซึ่งประวัติตะกร้อ สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2328 เป็นภาพศิลปะของรามายณะ มีภาพเซปักตะกร้อโชว์ลูกหลาน แต่หนุมานเล่นเซปักตะกร้อในกองทัพลิง นอกจากหลักฐานภาพนี้

การศึกษาหลักฐานการกำเนิดของกีฬาตะกร้อในอดีตยังไม่สามารถสรุปได้อย่างแน่ชัดว่ากีฬาตะกร้อมาจากไหน เกมตะกร้อมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านรูปแบบและวัตถุดิบ ตั้งแต่ผ้ายุคแรก เครื่องหนัง หวาย ไปจนถึงใยสังเคราะห์ (พลาสติก) หลายประเทศในเอเชียเล่นเกมที่คล้ายกัน

หลักฐานการเล่นตะกร้อในมะละกาสุลต่านในศตวรรษที่ 15 บันทึกไว้ในพงศาวดารมาเลย์ เมียนมาร์มีประวัติศาสตร์การเล่นกีฬาที่เรียกว่า “ชี่นโล่น” มาอย่างยาวนาน และฟิลิปปินส์มีประวัติเล่นกีฬามายาวนาน เรียกว่า ซิปะก์  ประเทศจีนมีเกมกีฬาคล้ายกับตะกร้อ แต่มันเป็นเตะลูกหนังปักขนไก่ ซึ่งปรากฏในภาพวาดและพงศาวดารของจีน ประวัติตะกร้อของเกาหลี มีเกมกีฬาที่คล้ายกับในประเทศจีน แต่มีดินห่อด้วยขนปุยและปักด้วยหางไก่ฟ้า แทนการใช้ขนไก่

การเล่นตะกร้อมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ตอนแรกมันเป็นการเตะไม่ให้ลูกบอลกระทบพื้น แต่ต่อมาก็มีประสิทธิภาพมากขึ้นและหลีกเลี่ยงความซ้ำซากจำเจ เราเริ่มเล่นโดยใช้หัว เข่า ข้อศอก และไหล่ โดยแต่ละท่าจะเพิ่มท่าที่ท้าทายและสวยงามมากขึ้น จากนั้นพวกเขาตกลงที่จะตั้งกฎของเกมที่จะเป็นประโยชน์ต่อฐานผู้เล่นทั้งหมด อาจแตกต่างกันไปตามภูมิประเทศของแต่ละภูมิภาค แต่น่าจะอยู่ใกล้กันมาก

ประวัติตะกร้อต่างประเทศ เซปักตะกร้อ

การแข่งขันเซปักตะกร้อเป็นเกมไทยโบราณ อย่างไรก็ตาม ไม่มีหลักฐานแน่ชัดเกี่ยวกับวันที่มีอยู่ แต่สันนิษฐานว่าน่าจะอยู่ในช่วงเริ่มต้นของสมัยรัตนโกสินทร์ ประเทศเพื่อนบ้านอื่น ๆ ก็เล่นตะกร้อ เล่นเป็นกลุ่มหรือเล่นคนเดียวโดยไม่จำกัดจำนวนผู้เล่น ในสวนที่ใหญ่พอ ตะกร้อเคยใช้หวายสานเป็นลูกตะกร้อในสมัยก่อน แต่เมื่อเร็ว ๆ นี้ เราใช้ลูกตะกร้อพลาสติกเป็นจำนวนมาก

ตะกร้อ เป็นเกมที่ผู้เล่นได้ออกกำลังกาย ฝึกความคล่องตัวในการเล่นกีฬา การสังเกต ไหวพริบ และบุคลิกที่ดีในทุกสัดส่วน การเล่นตะกร้อถือได้ว่าเป็นหนึ่งในเอกลักษณ์ของประเทศไทย

จากการค้นคว้าเกี่ยวกับต้นกำเนิดของกีฬาตะกร้อในอดีต เรายังไม่สามารถสรุปที่ชัดเจนเกี่ยวกับที่มาของประวัติตะกร้อได้ จากหลายๆที่อาจมีสาเหตุหลายประการเช่น:

  • พม่า: ราวปี พ.ศ. 2310 ชาวพม่าตั้งค่ายที่โพธิ์สามต้น เลยมาเล่นตะกร้อด้วยกัน ชาวพม่าเรียกว่า“ชิงลง”
  • มาเลเซียยังประกาศเรื่องนี้ด้วย ตะกร้อเป็นกีฬามาลายูเรียกว่าซีปักรากา (Sepak Raga) Raga หมายถึงตะกร้า
  • ชาวฟิลิปปินส์นิยมมาเป็นเวลานาน แต่ถูกเรียกว่า Sipak
  • ในประเทศจีน มีกีฬาที่คล้ายกับตะกร้อ แต่ตะกร้อที่ใช้เตะเป็นลูกหนังปักด้วยขนนก ซึ่งปรากฎในจิตรกรรมจีนและพงศาวดารจีน ชาวจีนกวางตุ้งโพ้นทะเลที่ตั้งรกรากในสหรัฐอเมริกาได้เล่น ตะกร้อขนไก่ เรียกว่า เตกโก (Tek K’au) แปลว่า การเตะลูกขนไก่
  • เกาหลีใต้คล้ายกับจีน อย่างไรก็ตาม ลักษณะของกระสุนตะกร้อนั้นแตกต่างกัน ประกอบด้วยการห่อหางไก่ฟ้าด้วยตุ๊กตาดินเหนียว
  • เปิดตัวในประเทศไทย พวกเขาฝึกตะกร้อมาอย่างยาวนาน กลมกลืนทั้งด้านเทคโนโลยีและความคิด สวยงาม เข้ากับประเพณีไทย

ประวัติตะกร้อไทย

ในสมัยโบราณ ประเทศไทยมีวิธีการและวิธีการลงโทษอาชญากร โดยนำผู้ต้องขังไปทำหวายสานทรงกลมเพื่อให้ช้างเท้าเย็น อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ช่วยยืนยันเรื่องราวของบ่อตะกร้อได้ก็คือ มีพระไตรปิฎกของพระอิศวรในรัชกาลที่ 2 ที่กล่าวถึงการเล่นตะกร้ออยู่หลายตอน หลังจากเขียนเรื่องรามายณะบนระเบียงพระอุโบสถที่วัดพระศรีรัตนศาสดารามแล้ว ก็ยังมีภาพตะกร้อที่คนรุ่นหลังรู้จักอีกด้วย

ภูมิศาสตร์ของประเทศไทยยังแนะนำให้รู้จักประวัติของตะกร้ออีกด้วย ประเทศเราอุดมด้วยต้นไผ่ หวาย คนไทยชอบใช้หวายสานสิ่งของและเครื่องมือต่างๆ นอกจากการละเล่นพื้นบ้านแล้ว ประวัติตะกร้อประเทศไทยยังมีตะกร้อหลายประเภท เช่น ตะกร้อและตะกร้อทะลุห่วง ตะกร้อธงและการแสดงตะกร้อต่างๆ การเล่นตะกร้อในประเทศอื่น ๆ ไม่ได้มีการฝึกฝนในหลาย ๆ ด้านเช่นในประเทศไทย เกมตะกร้อมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องทั้งในด้านรูปแบบและวัตถุดิบ ตั้งแต่ผ้ารุ่นแรก, เครื่องหนัง และหวาย ไปจนถึงวัสดุสังเคราะห์ (พลาสติก)

ตามพจนานุกรมของราชบัณฑิตยสถาน พ.ศ. 2525 ความหมายของคำว่า ตะกร้อ มีความหมายว่า “ลูกกลมสานด้วยหวายเป็นตา สำหรับเตะ”

วิวัฒนาการของ กีฬาตะกร้อ

เกมตะกร้อมีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่อง ตอนแรกเป็นการช่วยเหลือลูกให้ตกพื้น แต่ต่อมา กลายเป็นความชำนาญและไม่ธรรมดา ฉันเริ่มเล่นโดยใช้หัว เข่า ข้อศอก และไหล่ โดยแต่ละท่าจะเพิ่มท่าที่ท้าทายและสวยงามมากขึ้น จากนั้นพวกเขาตกลงที่จะตั้งกฎของเกมที่จะเป็นประโยชน์ต่อฐานผู้เล่นทั้งหมด อาจแตกต่างกันไปตามภูมิประเทศของแต่ละภูมิภาค แต่น่าจะอยู่ใกล้กันมาก

ซากุระมีหลายประเภท เช่น

  • ตะกร้อข้ามตาข่าย
  • ตะกร้อลอดบ่วง
  • ตะกร้อพลิกแพลง

ตามกฎและท่าทางของเกมการแข่งขันเริ่มขึ้นในประเทศไทย

ประวัติตะกร้อได้บันทึกไว้ดังนี้

ในปี พ.ศ. 2472 การแข่งขัน ตะกร้อ ครั้งแรกของสมาคมกีฬาสยาม

ในปี พ.ศ. 2476 สมาคมกีฬาสยามได้ร่างกฎเกณฑ์การทอผ้าตะกร้อด้วยตาข่ายและจัดการแข่งขันสาธารณะครั้งแรก

ในปี พ.ศ. 2479 การฝึกอบรมด้านเทคนิคจัดขึ้นในวิทยาลัยเด็กชายและเปิดให้แข่งขันได้

ในปี พ.ศ. 2480 ได้มีการประชุมแก้ไขร่างข้อบังคับ ภายใต้การดูแลของญาติเจ้าพระยาและกรมพลศึกษา ได้ออกประกาศรับรองอย่างเป็นทางการ

ในปี พ.ศ. 2502 การแข่งขันกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 1 ที่กรุงเทพฯ นักตะกร้อชาวพม่าได้รับเชิญให้แสดงฝีมือการเล่นตะกร้อ

ในปี พ.ศ. 2504 แหลมทอง ครั้งที่ 2 พม่าได้รับเกียรติให้เป็นเจ้าภาพจัดการ ผู้เล่นตะกร้อชาวไทยยังได้เข้าร่วมในการสาธิตครั้งต่อไปด้วยตะกร้อที่ดี

ในปี พ.ศ. 2508 กีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 3 จัดขึ้นที่ประเทศมาเลเซีย ในการแข่งขันตะกร้อสามประเภท

  • ตะกร้อวง
  • ตะกร้อข้ามตาข่าย
  • ตะกร้อลอดบ่วง

การแข่งขันบางแห่งจะอธิบายกฎเกณฑ์เป็นภาษาไทยและภาษาอังกฤษเพื่อให้บุคคลทั่วไปสามารถเล่นและทำความเข้าใจได้ง่าย

หลังจากจบการแข่งขันแหลมทองสปอร์ตรอบที่ 3 ได้ สระก็ได้รับความนิยมอย่างล้นหลาม บทบาทของมาเลเซียเติบโตขึ้น ตั้งแต่การเข้าประชุมจนถึงการจัดทำระเบียบการผ่าน ตะกร้อ เรียกอีกอย่างว่า “เซปักตะกร้อ” เชื่อมต่อกีฬาตะกร้อผ่านเน็ต จนถึงปัจจุบัน ได้มีการรวมไว้ในการแข่งขันกีฬาแหลมทอง ครั้งที่ 4 จนถึงปัจจุบัน

บทความอื่นๆ